Machine Learning ในชีวิตประจำวันที่คุณอาจไม่เคยรู้

Machine Learning ในชีวิตประจำวันที่คุณอาจไม่เคยรู้

ทำความรู้จัก Machine Learning ที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน

ในปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีต่าง ๆ ล้วนถูกย่อลงมาให้มีขนาดที่เล็กลงกว่าเดิม อีกทั้งยังสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้คุณสามารถนำมาปรับใช้และวางแผนในการทำงานได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Machine Learning ในชีวิตประจำวัน ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมและถูกนำมาใช้เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตในหลากหลายรูปแบบ
Data Wow ขอพาคุณไปทำความรู้จักกับ Machine Learning ในชีวิตประจำวันที่อยู่ใกล้ตัวคุณที่สุด แต่จะอยู่ในรูปแบบไหนบ้างนั้น สามารถติดตามจากบทความนี้ได้เลย

เพลย์ลิสต์โดนในใจ Spotify และหนังน่าดูใน Netflix

สำหรับคนที่ใช้สตรีมมิ่งต่าง ๆ อาจจะเคยเห็นว่า มีเพลงหรือเพลย์ลิสต์แนะนำ รวมถึงมีหนังหรือซีรีส์ ขึ้นหน้าแนะนำให้คุณอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นใน Spotify ที่มีการจัดเพลย์ลิสต์ให้กับคุณในทุก ๆ วันจันทร์ หรือจะเป็นหนังน่าดูที่จัดมาให้กับคุณโดยเฉพาะบน Netflix สิ่งเหล่านี้คือการนำ Machine Learning เข้ามาใช้ในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น NLP (Natural Language Processing), Deep Learning เป็นต้น เพื่อค้นหาและเชื่อมโยงคอนเทนต์ที่แต่ละคนน่าจะสนใจ โดยเป็นการนำ Machine Learning ที่เราใช้งานในชีวิตประจำวัน เพื่อมาจูงใจให้กับผู้ชมหรือผู้ฟังให้เกิดความสนใจต่อผลงานนั้น ๆ โดยระบบจะทำการคำนวณเกี่ยวกับเนื้อหาที่คล้ายกับสิ่งที่เคยได้รับชมหรือรับฟัง และนำเสนอออกมาให้กับผู้ใช้งานโดยตรง

Face ID ของ Apple

อีกหนึ่ง Machine Learning ที่อยู่ใกล้ตัวเรามาก ๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นกับเทคโนโลยีที่อยู่ในสมาร์ทโฟนของคุณอย่าง Face ID บนโทรศัพท์ Apple นั่นเอง ซึ่งเทคโนโลยีที่นำมาใช้ใน Face ID นั้น จะเป็นการใช้กล้อง TrueDepth เข้ามาใช้ในการจับข้อมูลใบหน้าที่มีความแม่นยำ สร้างแผนผังแนวลึกของใบหน้า และจับภาพอินฟราเรดบนใบหน้าด้วย หลังจากนั้นก็จะเปลี่ยนแผนผังแนวลึกและภาพอินฟราเรดให้เป็นการแทนค่าทางคณิตศาสตร์ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ Face ID สามารถปรับเปลี่ยนไปตามการเปลี่ยนแปลงของรูปลักษณ์อัตโนมัติ ทั้งในส่วนของการแต่งหน้า ไว้หนวดเครา สวมหน้ากาก สวมหมวก ผ้าพันคอ แว่นตา แว่นกันแดด เป็นต้น ก็ยังสามารถทำงานได้นั่นเอง

Apple Siri และ Google Assistant ที่สามารถรับคำสั่งด้วยเสียง

ทั้ง Siri และ Google Assistant ถือเป็นการนำ Machine Learning เข้ามาใช้งาน โดยเฉพาะการใช้ระบบ NLP (Natural Language Processing) หรือการประมวลผลภาษาธรรมชาติ ซึ่งอย่างที่เราเห็นกันในระบบ iOS ที่ Siri สามารถโต้ตอบกับมนุษย์ได้ ก็เป็นเพราะการนำ NLP เข้ามาใช้งาน ทั้งการวิเคราะห์โครงสร้างภาษา เพื่อนำมาตีความ และเมื่อมีการใช้คำใหม่ที่มีความหมายแปลก เมื่อ Siri ฟังบ่อย ๆ ก็จะทำให้เกิดการเรียนรู้และทำความเข้าใจความหมายเหล่านั้นได้ดียิ่งขึ้น ส่วน Google Assistant นอกจากจะมีการนำ NLP มาใช้แล้ว ยังมีการนำเทคโนโลยี Speech Recognition เข้ามาใช้งานเช่นเดียวกับ Siri แถมยังรองรับได้หลายสำเนียงการพูด เพื่อให้ได้คำสั่งที่แม่นยำมากที่สุด

การนำ Machine Learning มาใช้ในการดูแลสุขภาพ

ในทุกวันนี้ การพัฒนาด้านเทคโนโลยีกับสุขภาพคือตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้สามารถปรับปรุงการเก็บบันทึก เพิ่มประสิทธิภาพ และช่วยสนับสนุนการตัดสินใจทางคลินิกได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบันทึกการรักษาของผู้ป่วย ที่จะสามารถเชื่อมโยงการทำงานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ลดกระบวนการทำงานที่ต้องทำด้วยตัวเองทั้งการจัดภาพและบันทึกทางคลินิกต่าง ๆ ไปจนถึงการวิเคราะห์ภาพอัตโนมัติ การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ เพื่อช่วยในการปรับปรุงกระบวนการดูแลสุขภาพ เพื่อช่วยวินิจฉัยและนำไปสู่การรักษาที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น และสร้างโอกาสให้นักวิจัยสามารถพัฒนาวิธีการรักษาเฉพาะบุคคลสำหรับโรคต่าง ๆ เพื่อจัดหายาและคำนวณปริมาณยาได้อย่างแม่นยำให้กับผู้ป่วย เป็นต้น

การนำ Machine Learning มาใช้ในงานด้านการศึกษา

ในส่วนภาคการศึกษา การนำ Machine Learning เข้ามาใช้งานนั้นจะช่วยปรับกระบวนการและการเรียนรู้ให้เชื่อมต่อได้อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะในทุกวันนี้ที่มีการเรียนผ่านระบบออนไลน์เป็นหลัก อีกทั้งยังช่วยให้ผู้สอนสามารถศึกษาข้อมูลจากผู้เรียน เพื่อนำมาปรับวิธีการสอนในรูปแบบเดิม และพัฒนาหลักสูตรการเรียนใหม่ เพื่อให้นักเรียนและนักศึกษาได้รับข้อมูลที่เหมาะสมมากที่สุด อย่างที่เราเห็นใน Udemy (แพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก) ที่มีการนำเอา Machine Learning เข้ามาใช้งาน เพียงแค่ผู้เขียนตอบคำถามง่าย ๆ ในแบบสอบถาม ก็จะได้รับชุดหลักสูตรและเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด หรือจะเป็นการประยุกต์ใช้ Machine Learning ในการเรียนการสอน เพื่อตรวจจับกรณีที่มีการลอกการบ้าน หรือจะเป็นการคาดการณ์เพื่อติดตามความคืบหน้าของการเรียน หรือสามารถนำไปเป็นข้อมูลในการจัดการฝึกอบรมที่ตอบโจทย์กับความต้องการ หรือปรับแต่งเนื้อหาหลักสูตรให้เหมาะสมกับการเรียนนั่นเอง

จะเห็นได้ว่า Machine Learning ที่ใช้งานในชีวิตประจำวันนั้นก็ล้อมรอบตัวเราตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่บนสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า โรงพยาบาล หรือแม้กระทั่งสถานศึกษา เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้เลยว่า เราสามารถพัฒนาระบบ Machine Learning และนำมาใช้งานในชีวิตประจำวัน เพื่อตอบโจทย์ทั้งภาคธุรกิจ และนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้บริการได้อีกด้วย หากใครที่กำลังมองหาผู้พัฒนา Machine Learning สำหรับธุรกิจของคุณอยู่ ที่ Data Wow เรามาพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญและทีมงานคุณภาพคอยให้คำปรึกษา และจะช่วยแนะนำระบบที่ตอบโจทย์กับธุรกิจของคุณมากที่สุด สามารถติดต่อเราได้ที่นี่ sales@datawow.io หรือโทร. 02-024-5560