เคยสงสัยไหมว่าทำไม Spotify ถึงรันเพลงแบบสุ่มมาให้เราได้อย่างตรงใจ? หรือทำไม Netflix และ Amazon Prime Video ถึงได้เลือกซีรีส์หรือภาพยนตร์ในสไตล์ที่เราชอบมาอยู่ในลิสต์แนะนำสำหรับเราได้ถูกต้อง? สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้คือการนำข้อมูลที่มีการเก็บรวบรวมมาป้อนเข้าสู่ Machine Learning เพื่อทำการวิเคราะห์และสร้างเพลย์ลิสต์ สุ่มเพลง หรือแนะนำผลงานที่ตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด
เจ้า Machine Learning คือส่วนหนึ่งของระบบ AI หรือ Artificial Intelligent ที่ช่วยให้ระบบการประมวลผลข้อมูลสามารถพัฒนาและแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม ซึ่งในปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยี Machine Learning เข้ามาปรับใช้อย่างต่อเนื่องกับหลากหลายภาคธุรกิจ และเพื่อให้เกิดความเข้าใจว่าเทคโนโลยีนี้มีความสำคัญอย่างไร วันนี้ Data Wow จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันว่า Machine Learning คืออะไร? แตกต่างจาก AI อย่างไร? และตัวอย่างองค์กรระดับโลกที่ใช้ Machine Learning ในการวางกลยุทธ์
ถ้าหากแปลตรงตัวแล้ว Machine Learning แปลว่า “การเรียนรู้ของเครื่องจักร” โดย Machine Learning คือ ส่วนหนึ่งของ AI ที่ช่วยให้ระบบไอทีรู้จักกับรูปแบบพื้นฐานของอัลกอริทึมและชุดข้อมูลต่าง ๆ เพื่อเป็นการเรียนรู้รูปแบบอัตโนมัติผ่านข้อมูลและประสบการณ์ด้วยตัวเอง เพื่อทำการค้นหา แยกแยะ สรุป คาดคะเน และคำนวณความน่าจะเป็น และเพื่อพัฒนากระบวนการแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสม อ่านบทความ Machine Learning เพิ่มเติม: ทำความรู้จักกับ Machine Learning เบื้องหลังความสำเร็จที่ทำให้ AI สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง
หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักว่า Machine Learning คืออะไรแล้ว ในหัวข้อนี้เราจะมาพูดถึง Machine Learning ประเภทต่าง ๆ ว่ามีอะไรบ้าง
Supervised Learning คือ การเรียนรู้ข้อมูลต่าง ๆ โดยมีผู้สอน อาศัยข้อมูลในการฝึกฝน เพื่อช่วยให้ตัวเทคโนโลยีสามารถเรียนรู้ผล และคาดคะเนผลลัพธ์ต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยการเรียนรู้ในรูปแบบนี้ มักถูกนำมาใช้งานในเชิงธุรกิจทั้งการคำนวณราคาบ้าน การคาดคะเนค่าเงิน หรือแม้แต่การวิเคราะห์ผลการแข่งขันต่าง ๆ เป็นต้น
Unsupervised Learning คือ การเรียนรู้ที่ไม่มีผู้สอน โดยที่เครื่องจักรนั้น ๆ จะทำการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องตั้งค่าเป้าหมายของแต่ละข้อมูล ระบบสามารถนำไปวิเคราะห์ (Data Analytics) และสร้างแบบแผนจากข้อมูลที่ได้รับเข้าไป มักนำไปใช้ในการแนะนำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ หรือคัดเลือกข้อมูลหรือผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
Reinforcement Learning คือ การเรียนรู้จากการลองผิดลองถูกจากสถานการณ์ในอดีตหรือระบบจำลอง เพื่อพัฒนาระบบการตัดสินใจให้ดียิ่งขึ้น เช่น การพัฒนาระบบผู้เล่นอัตโนมัติให้ชนะผู้เล่นระดับโลก ระบบการจัดการข้อมูลเพื่อนำเสนอให้ตัดสินใจเลือกอัตราส่วนของสินทรัพย์ต่าง ๆ เป็นต้น
อ่านมาถึงตรงนี้ ทุกคนคงเข้าใจความหมายกันแล้วว่า Machine Learning คืออะไร จากนี้เราจะมาทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่าง Machine Learning และ AI กัน
AI (Artificial Inteeligence) หรือที่ภาษาไทยเรียกว่า “ปัญญาประดิษฐ์” คือการพัฒนาสิ่งไม่มีชีวิตให้มีความฉลาดเหมือนมนุษย์ โดยใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมและวิทยาการคอมพิวเตอร์เป็นหลัก โดย Machine Learning เปรียบเสมือน “สมอง” ที่ช่วยให้ AI เกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง สามารถประมวล คิด วิเคราะห์ และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำความรู้จัก AI Tools ได้ที่:สรุป AI Tools สุดล้ำ เพิ่ม Productivity ในปี 2024!
“การเรียนรู้เชิงลึก” หรือ Deep Learning คือ เทคโนโลยีที่สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยให้ Machine Learning ให้สามารถเรียนรู้และประมวลผลได้มากขึ้น ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่าง Deep Learning และ Machine Learning ในด้านความสามารถ โดย Deep Learning จะใช้โครงข่ายประสาทเทียม (Artificial Neural Network) ในการเรียนรู้เพื่อให้ใกล้เคียงกับมนุษย์ ทำให้สามารถอัปเดตข้อมูลใหม่ ๆ ได้เอง โดยไม่ต้องอาศัยการป้อนข้อมูล
ในปัจจุบันนี้ การนำเทคโนโลยี Machine Learning เข้ามาใช้ในการทำงานและการทำธุรกิจมีอย่างหลากหลาย เพื่อช่วยจัดการปัญหาที่ซับซ้อน และเรียนรู้จากข้อผิดพลาดต่าง ๆ ให้สามารถปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งเทคโนโลยีนี้สามารถนำไปปรับใช้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ในอุตสาหกรรมบันเทิง การแพทย์ ก่อสร้าง หรือแม้กระทั่งระบบคลังสินค้าต่าง ๆ เพราะข้อดีของเทคโนโลยี Machine Learning คือช่วยบอกความเป็นไปได้ถึงข้อผิดพลาด และหาทางแก้ไขได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการทำงานได้อย่างมากอีกด้วย
Facebook ที่มีระบบจดจำใบหน้าของผู้ใช้งาน และมีการนำเทคโนโลยีเข้าไปใช้เพื่อแท็กคนในภาพโดยอัตโนมัติ เพราะการที่ Facebook มีข้อมูลของผู้ใช้จำนวนมาก ทั้งรายละเอียดและรูปต่าง ๆ นั่นจึงทำให้ Facebook สามารถนำระบบ Machine Learning มาใช้ในการจดจำใบหน้าให้ตรงกับบุคคลมากที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานอีเมลของผู้ให้บริการรายใดก็ตาม จะมีระบบการตรวจจับสแปมอัตโนมัติ ซึ่งระบบจะทำการเรียนรู้ว่า E-mail แบบไหนที่เป็นสแปมหรือไม่ใช่สแปม เพื่อจำแนกอีเมลแต่ละประเภทได้อย่างเหมาะสม
สตรีมมิ่งชื่อดังอย่าง Netflix ก็มีการนำ Machine Learning มาใช้งาน ผ่านการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการดูภาพยนต์ในช่องทางต่าง ๆ เพื่อนำไปประมวลผลและหาคอนเทนต์ที่เหมาะสม รวมไปถึงการเลือกแบนเนอร์ให้เหมาะกับแต่ละบุคคลอีกด้วย
ในการวิเคราะห์ผลบอลไม่ว่าจะเป็นการคาดเดาผู้ชนะ หรือเพื่อการวางแผนการเล่นในครั้งต่อ ๆ ไป การนำ Machine Learning เข้ามา จะช่วยให้สามารถนำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจได้ ทั้งเพื่อเฟ้นหานักเตะที่มีสไตล์การเล่นที่ตรงกับความต้องการของทีม ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดเวลาและเงินเป็นอย่างมาก รวมถึงยังสามารถช่วยปรับแผนการเล่นของนักเตะ เตรียมโปรแกรมซ้อมได้อย่างเหมาะสม เพื่อพัฒนาทีมให้มีความชำนาญ
Siri ซอฟต์แวร์ผู้ช่วยอัจฉริยะจาก Apple ที่มีการตรวจจับคำสั่งด้วยเสียง โดยที่ Apple มีการนำ Machine Learning เข้ามาใช้ในกระบวนการในการวิเคราะห์เสียงผ่านเทคโนโลยี โดยมีการเก็บข้อมูลและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรู้จำเสียงได้อย่างดี
จะดีแค่ไหน? หากคุณสามารถพัฒนาธุรกิจด้วยเครื่องมือ Machine Learning และ AI ที่มีประสิทธิภาพ
สรุปสั้น ๆ ว่า Machine Learning คือหนึ่งตัวช่วยที่มีความสำคัญอย่างมากในการนำมาใช้พัฒนาและปรับปรุงธุรกิจให้เหมาะสม ผ่านการประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน ลดภาระค่าใช้จ่ายและช่วยให้สามารถปรับปรุงคุณภาพของชิ้นงานต่าง ๆ ให้ดียิ่งกว่าเดิม
ที่ Data Wow เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Data ที่มีประสบการณ์มากมายจากหลายภาคธุรกิจ โดยนำเทคโนโลยี Machine Learning และ AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลอย่างชาญฉลาด ช่วยให้คุณได้ Insights ที่ตอบโจทย์ สามารถวางแผนแคมเปญการตลาดที่เหนือกว่าคู่แข่ง สร้างกำไรและประโยชน์ทางธุรกิจได้อย่างมหาศาล
ปลดล็อกความสำเร็จสู่การเป็นผู้นำทางธุรกิจ ด้วยเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลที่ชาญฉลาดกับ Data Wow ได้วันนี้ที่ sales@datawow.io หรือโทร 02-024-5560