เวลา คือคุณค่าที่ AI มอบให้ผู้ใช้งาน

เวลา คือคุณค่าที่ AI มอบให้ผู้ใช้งาน

เวลา คือคุณค่าที่ AI มอบให้ผู้ใช้งาน

AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์จะช่วยประหยัดเวลาของผู้ใช้งานและเพิ่มประสบการณ์ทั้งหมดเเก่พวกเขา

ให้ลองนึกถึงตอนที่คุณไปหาหมอ คุณต้องนัดวันเเละเวลา ขับรถไปโรงพยาบาล นั่งรอ เเละสุดท้ายก็ได้พบกับหมอ เครื่องมือเพื่อสุขภาพที่ขับเคลื่อนด้วย AI ทำให้ลดขั้นตอนที่จำเป็นในการรับการวินิจฉัยอาการ เพราะเครื่องมือนี้จะใช้การจดจำภาพ (image recognition) และการเรียนรู้เชิงลึก (deep learning) ซึ่งช่วยให้คุณวินิจฉัยปัญหาผิวได้ด้วยตนเอง

ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Apple, Dell, Facebook, Google, Microsoft เเละ Samsung กำลังวางแผนกลยุทธ์ในการใช้งานเเละการพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่สำหรับความก้าวหน้าของ AI เพราะมันจะช่วยประหยัดเวลาของผู้ใช้โดยการลดจำนวนตัวเลือกและการตัดสินใจที่จำเป็น

เปิดประสบการณ์ชั้นนำเเก่ผู้ใช้งานด้วย AI

ความเป็นเลิศด้านประสบการณ์ของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำ ที่ไม่เพียงตอบสนองความต้องการ แต่ยังเกินความคาดหวังของลูกค้าและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำจะใช้เครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ออกแบบมาอย่างดีมากขึ้น เช่น แชตบอต เพื่อเร่งความเร็วและมอบการบริการลูกค้าให้เหมาะกับแต่ละบุคคล รวมไปถึงสนับสนุนการมีปฎิสัมพันธ์ และพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้า อย่างที่ Jessica Ekholm รองประธานฝ่ายวิจัยของ Gartner กล่าวไว้ว่า “ในขณะที่ความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้น ความเป็นไปได้ที่ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำจะต่อยอดการขายก็เพิ่มขึ้นไปด้วย” นั่นคือเหตุผลที่ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำควรวางแผนที่จะติดตั้งแชตบอตที่ใช้ AI ภายในปี 2562 เป็นอย่างช้าที่สุด เเละนอกจากนั้นเเล้วก็ควรวางแผนและเตรียมพร้อมสำหรับแนวโน้มการใช้งานใหม่ๆ เช่น การใช้ผู้ช่วยส่วนตัวเสมือน (VPA) การใช้แอปอัจฉริยะ และบอต

“Gartner คาดการณ์ว่าในปี 2018 ผู้ใช้กว่าครึ่งพันล้านคนจะประหยัดเวลาได้สองชั่วโมงต่อวันอันเป็นผลมาจากเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI”

ลดเวลา เพื่อเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า

Gartner คาดการณ์ว่าในปี 2018 ผู้ใช้กว่าครึ่งพันล้านคนจะประหยัดเวลาได้สองชั่วโมงต่อวันอันเป็นผลมาจากเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำควรใช้เครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถปรับให้เหมาะกับผู้ใช้เเต่ละคน เเละทำให้ผู้ใช้งานพิจารณา เลือก และกำหนดค่าน้อยลง AI จะช่วยประหยัดเวลาของผู้ใช้โดยการลดความจำเป็นในการดำเนินการและการเลือกทั้งหมด เหมือนอย่างที่ Anthony Mullen ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Gartner พูดไว้ว่า “การกรองอีเมลขยะ รถยนต์ไร้คนขับ การเสนอราคาประมูลอัตโนมัติ ระบบควบคุมสภาพอากาศและระบบจดจำภาพเพื่อความปลอดภัยในบ้าน พร้อมด้วยกรณีการใช้งานอื่นๆมากมาย ช่วยให้ผู้ใช้งานลดเวลาหรือบางทีอาจจะไม่ต้องทำอะไรเลย”

การใช้งานของทุกคนจะมีอิทธิพลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากข้อมูลที่รวบรวมจากเซ็นเซอร์ Internet of Things (IoT) และอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ Gartner ประมาณการว่า “อุปกรณ์” กว่า 6 พันล้านชิ้น ที่เชื่อมต่อถึงกันจะต้องการการรองรับจากแพลตฟอร์ม AI ภายในปี 2561 โดยที่อุปกรณ์อัจฉริยะจะตรวจสอบประสิทธิภาพและทำการปรับปรุงด้วยตัวเอง อย่างที่ Mullen สรุปไว้ว่า “โดยรวมแล้ว การปรับปรุงทั้งหมดในผลิตภัณฑ์และหมวดหมู่ต่างๆ ที่ขับเคลื่อนโดย AI จะช่วยประหยัดเวลาของผู้ใช้ ตลอดจนปรับปรุงคุณภาพและความพึงพอใจจากประสบการณ์ของพวกเขา” การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

Ms. Ekholm ให้คำแนะนำแก่ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำที่อยากจะปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าและเตรียมพร้อมสำหรับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยว่า “ควรเรียนรู้จากผู้ใช้ พัฒนาความไว้วางใจ และลดเวลาที่ใช้ในการดำเนินการกับผลิตภัณฑ์ของผู้ใช้ให้ได้มากทึ่สุด” นอกจากนี้ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำควรสนับสนุนให้ลูกค้าให้ข้อมูลเชิงพฤติกรรมที่หลากหลายแก่เครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อให้พวกเขาได้รับผลลัพธ์ที่เหมาะสม

การลงทุนของผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำใน AI, วิทยาศาสตร์ข้อมูล (data science), deep neural networks (DNNs) และผู้ช่วยอัจฉริยะกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาคิดค้นวิธีทำให้ผลิตภัณฑ์และบริการของตนฉลาดขึ้น โดยผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำควรพิจารณาว่าลูกค้าใช้และรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของพวกเขา พิจารณาวิธีที่พวกเขาจะทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น และวิธีที่พวกเขาสามารถรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์และบริการอื่น ๆ ที่ลูกค้าใช้งาน